รายชื่อกลุ่มและลิ้ง Facebook

ชัชช์ กายพันธ์..................ภูชิชย์ ปรเกษม

2531031441337............2531031441336



13 กรกฎาคม 2553

SSD เทคโนโลยีแห่งอนาคต




เทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่อง SSD

ตอนนี้เทคโนโลยี่ของชิ้นส่วนต่างๆในคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็น CPU RAM หรือการ์ดจอ ตอนนี้ถูกพัฒนาไปมากแล้วเหลือแค่ Harddisk ที่ยังไม่ค่อยมีการพัฒนาเท่าไหร่จึงเกิดปัญหาคอขวดที่ Harddisk จึงต้องมีการพัฒนา Harddisk แบบ SSD ขึ้นมา

SSD ย่อมาจากคำว่า Solid State Drive ซึ่งมันคือ Harddisk ประเภทหนึ่งละครับ
Harddisk
แบบที่เราใช้ทั่วไปๆตอนนี้มันจะเป็นแบบจานหมุน มี 2 ขนาดหลักๆคือ 3.5 นิ้ว(แบบทั่วไป) กับขนาด 2.5 นิ้วที่นิยมใช้กันในโน๊ตบุ๊ก จุดอ่อนที่สุดของฮาร์ดดิสแบบนี้คือ ถ้าตกหรือกระแทกเมื่อไหร่มักจะพังทันที และการอ่านข้อมูลก็จะช้า แต่จุดเด่นก็คือราคาถูกเพราะมีการพัมนามานาน ตอนนี้ความจุ 1000 GB ราคาประมาณ 3,500 ส่วน 2000 GB แค่ 7,000 กว่าเอง

ส่วน SSD นั้นเป็น Harddisk แบบใหม่ที่ใช้หน่วยความจำแบบ Flash (แบบที่อยู่ใน flash drive หรือ mem ในมือถือ) ทำให้มีต้องใช้หัวอ่านตกแล้วก้พังยากขึ้น และการเข้าถึงข้อมูลก็เร็วขึ้น(ตามทฤษฏี แต่ตอนนี้ที่ทราบมาความเร็วที่ได้ ยังไม่น่าประทับใจซักเท่าไหร่)แต่ราคาก็แพงมหาศาลความจุ 160 Gb ราคาประมาณ 17,000 หลายๆคนจึงคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของ harddisk แบบ SSD ครับ

SSD (Solid State Drive) เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการประยุกต์ใช้ Flash Memory มาทำเป็น Harddisk ประโยชน์ที่ได้รับที่เห็นกันอยู่ ก็จะพบว่า ความไวในการ เข้าถึงข้อมูลจะทำได้ไวกว่า Harddisk ที่ใช้กันอยู่ในท้องตลาดซึ่งเป็น Harddisk แบบที่ใช้จานแม่เหล็ก ที่เวลาเข้าถึงข้อมูลจะต้องให้ Harddisk หมุนไปแล้วจึงหาสืบค้นข้อมูลที่ถูกเก็บใน harddisk ได้ โดยวิธีนี้ทำให้ เกิดความร้อนขึ้น ในตัวของ Harddisk เอง ยิ่งมีความไวของมอเตอร์ ที่ใช้ในการหมุนตัว จานแม่เหล็ก มากเท่าไรก็จะ ทำให้ มีความร้อนสูงมากขึ้นด้วย ดังนั้นการออกแบบจึงต้องมีการเพิ่ม พื้นที่ในการระบายความร้อนให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในการทำงานของ Server ได้ การพัฒนาเทคโนโลยีของ Harddisk นั้นก็ พัฒนา มาหลายปี แต่ยังคงเป็นเทคโนโลยี่ที่ใช้มอเตอร์และจานแม่เหล็ก จน ถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านนี้โดยการนำ meomory หรือ การนำ Solid State มาทำเป็น Harddisk ด้วยเหตุผลที่ว่า การเข้าถึงข้อมูล การเขียนข้อมูล ลงไปบนตัว Harddisk การคำนึงถึงความร้อนที่เกิดขึ้นบน ตัว Harddisk เสียงที่เกิดจากการหมุนของมอเตอร์บนตัว Harddisk

SSD ย่อมาจาก Solid State Drive เป็นหน่วยความจำประเภท Flash ชนิดหนึ่ง ที่นิยมนำมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก Netbook (ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า Notebook) โดยขนาดของ SSD นี้จะมีขนาดเล็กประมาณ 1.8 - 2.5 นิ้ว

ดังนั้น ปัญหาพวกนี้จะหมดไปถ้าเรานำเทคโนโลยี Solid State มาใช้ ถ้านำไปใส่ใน Notebook จะ ช่วยทำให้ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ Notebook ทำงานได้ดีขึ้น เพราะจะกินพลังงาน ต่ำ เมื่อเทียบกับ harddisk แบบเดิม

การทำงานของมันก็ คือ Memory แบบ Flash เมื่อมีการอ่านหรือ เขียนข้อมูล ก็จะยังจดจำข้อมูลที่มีการ Update ครั้งสุดท้ายไว้ ได้ ซึ่งจะแตกต่างกับ RAM (Random Access Memory) ซึ่ง ข้อมูลจะหายไปเมื่อเราปิดเครื่องหรือ ไม่มีแหล่งจ่ายไฟเลื้ยงตัวอุปกรณ์ ข้อมูลที่บรรจุอยู่ด้านในก็จะหายไปด้วย แต่ Flash Memory ไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อเราทำการ เขียนข้อมูลลงไปที่ Flash Memory แล้ว ข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้สูญหายไปไหน ยังคงเก็บเอาไว้ เหมือนต้นฉบับทุกประการ ดังนั้นจึงมีคนนำเทคโนโลยี่นี้มาต่อยอด และพัฒนา มาเป็น Solid State Drive (SSD) ในที่สุด ไม่มีส่วนที่เคลื่อนไหวเหมือนกับ Harddisk จานแม่เหล็ก เพราะใช้ Flash เป็น ตัว จัดเก็บข้อมุล จะเห็นชัดเจน

อุปกรณ์บันทึกข้อมูลอย่าง Solid-State Drive (SSD) เป็นอุปกรณ์ Data Storage แบบใหม่ที่ออก มาให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เหมือนกับฮาร์ดดิสก์ โดย SSD ทำตัวเสมือนอุ ปกรณ์ฮาร์ดไดรฟ์ โดยอาจใช้ SRAM หรือ DRAM หรือหน่วยความจำแฟลช มักเรียกว่า RAM-drive
SSD (Solid-State Drive) คือฮาร์ดดิสก์ในยุคต่อไปสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งพีซีและโน้ต บุ๊กทั้งหลาย โดย SSD ให้ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า ฮาร์ดดิสก์ธรรมดาถึง 100 เท่าเพราะไม่ได้ใช้ระบบจาน หมุนหรือเพลตเหมือนฮาร์ดดิสก์แบบปัจจุบัน ซึ่งฮาร์ดดิสก์ ณ ปัจจุบันนี้เองก็ทำให้เกิดปัญหาคอขวดในการโอนถ่ายข้อมูลแม้ว่าจะมีการพัฒนา ความเร็วออกมาให้เป็นแบบ SATA หรือ SATA II แล้วก็ตาม แต่ในการทำงานของ SSD (Solid-State Drive) นั้นก็ยังให้ความเร็วในการทำงานที่ดีกว่า

ข้อดีของ Solid State Drive (SSD)

1. ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลไวกว่าเมื่อเทียบกับ Harddisk ที่เราใช้กันในปัจจุบันหลายเท่า

2. ไม่เปลืองพลังงานไฟฟ้า กินไฟต่ำ เนื่องจากใช้เทคโนโลยี Flash จึงกินไฟต่ำ ทำให้ประหยัดพลังงานลดความร้อนลงได้มาก ไม่มีความร้อน

3. เสียงเงียบ เพราะไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของ Flash เคลื่อนไหว จึงไม่มีเสียงรบกวนให้รำคาญใจ

4. ทนการใช้งานได้ดี รองรับการกระแทกได้ เนื่องจากไม่มีหัวอ่านเหมือนฮาร์ดดิสก์

5. สามารถตกจากที่สูงได้ ในขณะที่ข้อมูลด้านในไม่เป็นอะไรเลยเมื่อเทียบกับ Harddisk แบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน (สามารถกระแทกได้)

6. ความไวในการ Boot เครื่อง

ข้อเสียของ Solid State Drive (SSD)

1. การเขียนข้อมูลจะช้า เพราะมันคือ Flash การเขียนของมันจะต้องทำการ เพิ่มกำลังไฟฟ้าให้สูงขึ้นพอที่จะทำให้ข้อมูลใหม่เพิ่มเข้าไปได้

2. ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ Harddisk แบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน

3. ความจุ (เนื้อที่) น้อย เมื่อเทียบกับ hhd ปัจจุบัน 256GB

***เรื่องความเร็ว และความน่าเชื่อถือนี่ ไม่น่าจะเป็นรองใครครับ

แต่ ที่กลัวอยู่อย่างนึงก็คือ วันดี คืนร้าย มันเดี้ยงขึ้นมา คราวนี้ละ จะกู้ข้อมูลกันยังไง

HDD
ยังดึงเอาแม่เหล็กออกจากจานได้ เทป ยังเอาข้อมูลออกจากเส้นเทปได้ แต่เจ้านี่ .... ไม่รู้จะเอาออกมายังไง (เหมือน Flash Drive)

แต่พวก นี้ ไม่น่าจะเสียง่ายๆ หรอกครับ เพราะมันไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว แถมน่าจะประหยัดไฟมากๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน SSD ยังมีความจุที่ค่อนข้างต่ำ (16, 32, 64 และ 256 GB)เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสูงขึ้นในระดับ TeraByte (1,024 GB) แล้ว แต่การนำไปใช้ใน Netbook ขนาดเล็ก และเน้นการใช้งานเพียงแค่อินเตอร์เน็ต หรือจัดทำเอกสารเพียงเล็กน้อย SSD ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์.. และแน่นอนการพัฒนาของ SSD ยังไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ และมีความเป็นไปได้ว่า SSD จะมาแทนฮาร์ดดิสก์ได้ในไม่ช้านี้.. อย่างนี้ คงต้องรอดูกัน..

ขยายความ
เกี่ยวกับ ความเร็ว HDD กับ ความเร็วในการเข้าถีงข้อมูล
นึกซะว่า HDD ลูกนึงเหมือนสำนักงานกองทะเบียน
นาย ก. มาขอสำเนา ทะเบียนบ้าน นายทะเบียน หาอยู่ครึ่งวันจึงเจอ คือเวลาการเข้าถีงข้อมูล Access time ช้ามาก เหมือน HDD จานแม่เหล็กทั่วไปต้องหมุนจานไปหาข้อมูล ส่วน SSD HDD จะเหมือนพี่เซิดในคอมเป็ปเดียวเจอ


อันที่ 2 Tranfer rate ความเร็วในการส่งข้อมูล เหมือน นายทะเบียนเมื่่อเจอแฟ้มแล้ว พี่แกค่อยๆเดินเป็นภาพสโลว มาหาคุณ มีแวะคุยกับป้าทำความสะอาดระหว่างทางอีก กว่าจะถีงคุณ อันนี้แหละ เหมือน Transfer rate ความเร็วในการส่งข้อมูล
ในอนาคตถ้าราคาถูกลงมาก็น่าใช้มากครับ และ HDD แบบแม่เหล็กจะหายไปเหมือน Drive 5นิ้ว ; หรือ 1.44Floppy Drive ครับ

**SSD อ่านเร็วกว่าจริง แต่ในแง่ของการเขียน
มันช้ากว่ามาก อย่าลืมในส่วนนี้
อ่านเร็วกว่าประมาณ 2 เท่า แต่เขียนช้ากว่า เกือบ 10 เท่า
เพราะฉะนั้น จะเหมาะมาก ถ้าใช้ เป็นเซิฟเวอร์

Intel SSD 40GB , 4500 Intel SSD 80GB , 8900

Intel SSD 160GB , 16900 Intel SSD 256GB 29900

เพิ่มเติม SSD
SSD นั้นมันจะแยกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน
Multi-Level Cell (MLC) NAND
และ Single-Level Cell (SLC)

ซึ่ง SSD แบบ MLC นั้นจะอนุญาติให้เขียนข้อมูลลงไปด้วย 2 bits ต่อ 1 Cell
แต่ SLC จะอนุญาาติให้เขียนได้แค่ 1 bit ต่อ 1 Cell เท่านั้น ซึ่งจะมี ข้อดีและข้อเสีย
แตกต่างกัน MLC นั้นจะมีความจุเยอะกว่า แต่ SLC นั้นจะมีความเร็วมากกว่า

SSD นั้นผลิตได้ 2 แบบ คือ
NOR Flash
หน่วยความจำจะถูกเชื่อมต่อกันแบบขนาน ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างอิสระ อ่านข้อมูลเร็วมาก แต่ มีความจุต่ำ และราคาแพงมาก
NAND Flash
เป็นแบบเข้าถึงข้อมูลทีละบล๊อก ทำให้มีความจุสูง ราคาถูก

FlashDrive
ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้จึงเป็นแบบ NAND Flash เพราะราคาถูกกว่า ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท
- Single-Level Cell (SLC) : ในแต่ละเซลเก็บข้อมูลได้ 1 บิต
ทำงานเร็วกินพลังน้อย และมีอายุการใช้งานนาน
(เขียนได้ 1 แสนครั้งโดยประมาณ) แต่ราคาสูง
- Multi-Level Cell (MLC) : 1 เซลเก็บข้อมูลได้มากกว่า
1
บิต ปัจจุบัน1 เซลเก็บได้ 2 บิต และอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้
เก็บได้มากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วต่ำกว่า ใช้พลังงานมากกว่า SLC
เขียนได้ ไม่เกิน 1 หมื่นครั้ง แต่มีราคาถูก)

***ผมรู้แค่ว่าเป็นเป็นแรมชนิดหนึ่งนะครับ
ที่เมื่อไม่มีไฟเลี้ยงแล้วข้อมูล ยังคงอยู่ครับ
แล้วก็การฟอร์มแมตมันในแต่ละครั้ง จะทำให้หน่วยความจำลดลงเรื่อยๆ ครับ

***การเก็บข้อมูลของ Flash Drive จริงๆแล้วไม่ต้องใช้ไฟครับ แต่ตอนข้อมูลข้อมูลเคลื่อนที่เข้าออก ระหว่าง Flash Drive กับ คอม